IELTS ติวเตอร์ สอนพิเศษ

ความแตกต่างของการสอบ IELTS

ในปัจจุบันการสอบวัดระดับความสามารถทางด้านภาษามีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น TOEIC TOEFL หรือ IELTS ซึ่งได้มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคะแนนที่ได้ออกมานั้นสามารถนำไปใช้ได้ทั้งสมัครเรียนต่อ สมัครเข้าทำงาน และสอบเพิ่มฐานเงินเดินให้กับตนเองได้ ดังนั้น ทีม Chula Gradeup Tutor ขออธิบายความแตกต่างของการสอบแตกละแบบว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันได้เลย…

โดยการสอบวัดระดับภาษาก็มีหลากหลายรูปแบบให้เราได้เลือกสอบกัน เช่น TOEIC, TOEFL เป็นต้น ทางทีม Chula Gradeup Tutor ขอแนะนำที่อันดับแรกเลย คือ การสอบ IELTS  เนื่องจากมีความสำคัญต่อผู้ที่สนใจอยากเรียนต่อในหลักสูตรนานาชาติ หรือ เรียนต่อต่างประเทศเป็นอย่างมาก

ลักษณะของข้อสอบ IELTS แบ่งออกเป็น 4 ทักษะ

โดยในแต่ละทักษะก็จะมีเกณฑ์การการวัดคะแนนแบ่งออกเป็น 9 ระดับ เช่น น้อง ๆ สอบทักษะการฟังได้ระดับที่ 8.00 และสอบทักษะการเขียนได้ 8.5 เป็นต้น ซึ่งแบ่งแต่ละทักษะ ดังนี้

1. การฟัง (Listening)

listening ติวเตอร์จุฬา

  • มีเวลาในการทำข้อสอบ 30 นาที
  • เป็นการฟังจาก CD ในรูปแบบของการสนทนา บทพูด และการออกเสียง
  • ผู้สอบจะได้ฟังเพียงรอบเดียวเท่านั้น

2. การอ่าน (Reading)

reading ติวเตอร์จุฬา

  • มีเวลาในการทำข้อสอบ 60 นาที
  • โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 บทความ และคำถามอีก 40 ข้อ
  • เนื้อหาที่ออกสอบจะเป็นเรื่องทั่วไป เช่น บทความในนิตยาสาร งานวิจัย หนังสือพิมพ์ ข่าวสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นต้น
  • ลักษณะข้อสอบจะเป็นการเติมคำในช่องว่าง, เลือกถูกผิด, multiple choice ฯลฯ

3. การเขียน (Writing)

Writing ติวเตอร์จุฬา

  • มีเวลาในการทำข้อสอบ 60 นาที
  • โดยแบ่งการเขียนออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
    • การเขียนอธิบายข้อมูล อาจจะเป็นกราฟ ตาราง หรือแผนผัง ซึ่งต้องเขียนอย่างน้อย 150 คำ
    • การเขียนเรียงความหรือรายงาน ลักษณะการเขียนจะเป็นการแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ และการหาทางออก โดยจะต้องเขียนอย่างน้อย 250 คำ

4. การพูด (Speaking)

Speaking ติวเตอร์จุฬา

  • มีเวลาในการทดสอบ 11-14 นาที
  • โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
    • การพูดคุยเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน (เริ่มต้นจากการแนะนำตัว)
    • กรรมการจะมีบัตรคำถามให้เรา และเรามีเวลาในการเตรียมตัวก่อนพูด 1 นาที โดยเราต้องพูดคนเดียวประมาณ 3-4 นาที
    • การพูดโต้ตอบกันในหัวข้อ (จากในส่วนที่สอง ที่เราได้บัตรคำถามมา)

การสอบ IELTS ได้มีการแบ่งระยะเวลาการสอบออกเป็น 2 ช่วง คือ

  1. โดยการสอบทักษะการฟัง การอ่าน และการเขียนจะเป็นการสอบในวันเดียวกัน และไม่มีการหยุดพักระหว่างการสอบ
  2. ส่วนการสอบทักษะการพูดเราสามารถเลือกได้ว่าจะสอบในวันเดียวกัน (สอบในวันเดียวกับการสอบการฟัง อ่าน และเขียน) หรือจะเลือกสอบในวันอาทิตย์ หรือวันจันทร์ในสัปดาห์เดียวกันก็ได้

** หมายเหตุ การประกาศผลคะแนนสอบจะนับ 13 วัน (นับตั้งแต่วันที่สอบ หลังเวลา 13.00 น.) และในปัจจุบันเราสามารถสมัครสอบ IELTS ได้กับทาง www.ielts.idp.co.th หรือ www.britishcouncil.or.th

การสอบ IELTS คืออะไรกันนะ?

สำหรับการทดสอบ IELTS หรือมีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า International English Language Testing System เป็นการทดสอบที่เกี่ยวกับความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ เหมาะสำหรับผู้สมัครที่ต้องการนำคะแนนไปใช้ใน “การเรียนต่อ” หรือ “สมัครเข้าทำงาน”

ในปัจจุบันคะแนนสอบ IELTS เป็นที่ยอมรับสำหรับใช้สมัครเข้าทำงานกับบริษัทต่าง ๆ มากกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก (โดยจะเน้นไปที่บริษัทข้ามชาติจากฝั่งยุโรป) และนอกจากนี้คะแนนสอบ IELTS ยังมีความสำคัญสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในประเทศแถบยุโรปอีกด้วย เช่น อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส และนิวซีแลนด์ เป็นต้น

ทั้งนี้เกณฑ์การยื่นคะแนนสอบ IELTS ไม่ได้มีเกณฑ์ที่ตายตัว แต่จะขึ้นอยู่กับการกำหนดสัดส่วนของคะแนนในแต่ละคณะ/สาขาวิชา โดยที่มหาวิทยาลัยจะเป็นคนกำหนดขึ้นมาเอง (** คะแนนสอบ IELTS ที่ถือว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานก็คือ 5.5 หรือ 6.5 ขึ้นไป แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยและบริษัทด้วย)

สำหรับ มหาวิทยาลัยไทยที่เปิดสอนในหลักสูตรนานาชาติ หรือเปิดสอนภาคอินเตอร์ มีหลายแห่งด้วยกันที่ใช้คะแนนสอบ IELTS เป็นมาตรฐานในการสมัครเข้าเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหิดลอินเตอร์ (MUIC),และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น

ในส่วนของรายละเอียดการสอบ TOEIC และ TOEFL ทางทีม Chula Gradeup Tutor จะมาไขข้อสงสัยเพิ่มเติมให้ในบทความถัดไปยังไงก็อดใจรอกันนิดนึงนะ หากอดใจไม่ไหวก็สามารถอ่านบทความเพิ่มเติม คลิกที่นี่

อ้างอิงข้อมูลจาก : www.ielts.idp.co.th , www.britishcouncil.or.th

 

Scroll to top